รุ่งเช้าในฤดูใบไม้ร่วง เดือนพฤศจิกายน ได้มีการรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิตจำนวน 7 ราย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 1 ราย รวมทั้งสิ้น 8 ราย ณ บ้านพักตากอากาศกลางหุบเขา คดีดังกล่าวกลายเป็นคดีสะเทือนขวัญ เนื่องจากพยานแวดล้อมระบุว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันและไม่มีใครเข้าหรือออกบ้านหลังนั้น จากคำให้การของผู้ดูแลบ้านระบุว่าทั้ง 8 คนเป็นสมาชิกเว็บบล็อกคนชอบของเก่าและมาจัดงานเลี้ยงที่บ้านพักแห่งนี้ ซึ่งเจ้าของบ้านพักที่เป็นเจ้าของงานเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้ปัจจุบันยังไม่ได้สติ ทางตำรวจจึงต้องหาทางสืบสวนและรอคำให้การเพิ่มเติมจากผู้บาดเจ็บต่อไป
(https://picrew.me/image_maker/611021)
ศพที่ 3 : โคซากะ มิคาโดะ
1 สัปดาห์ก่อนงานเลี้ยงมีตติ้ง
เวลาตีหนึ่งกว่าท่ามกลางความมืดสลัว มุมในสุดของห้องพักมีแสงจากจอคอมพิวเตอร์สว่างค้างตัดกับความมืดอีกฟากของห้อง เสียงกดแป้นคีย์บอร์ดที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ และเสียงพูดคุยของ ‘โคซากะ มิคาโดะ’ ดังออกมาจากมุมสว่าง
“เฮ้ย เดียวมาอย่าเพิ่งเปิดบอสเชียว รอฉันกลับมาก่อนนะเว้ย” ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์เดินออกมาจากจุดสว่างของห้อง สายตาเหลือบมองคนบนเตียงที่กำลังนอนหลับทั้งใส่ที่อุดหู ผ้าปิดตา และเอาผ้าห่มคลุมหัวอีกทีหนึ่ง เขาย่นจมูกอย่างรำคาญใจก่อนจะเดินผ่านไปเข้าห้องน้ำ และเดินกลับมานั่งเล่นเกมกับเพื่อนคนอื่น
ในช่วงรุ่งเช้าก่อนที่เขาจะเข้านอนมือขยับเมาส์เลื่อนเปิดเว็บบล็อกประจำของตนเอง ท่ามกลางข้อความมากมายที่ส่งมาหาจาก ‘ธุรกิจส่วนตัว’ เขาเลือกเปิดแค่ข้อความจากเพื่อนของตัวเอง ‘ฮาตาโอกะ ยูกิ’ เจ้าของเว็บบล็อกคนชอบของเก่าเจ้าประจำของเขา ดูเหมือนเจ้าตัวจะจัดงานเลี้ยงมีตติ้งคนชอบของเก่าขึ้นมาก็เลยชวนตัวเขาไปด้วย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกไปเจอยูกิเท่าไร เรียกว่าตั้งแต่หนีออกบ้านมาตอนนั้นก็ไม่ได้ออกไปพบใครเลยนอกจากรูมเมทน่ารำคาญของเขาเอง ถือโอกาสครั้งนี้ไปเจอมันสักหน่อยคงได้ โคซากะคิดอย่างนั้นก็ตอบตกลงไปก่อนจะลุกออกจากโต๊ะคอมพิวเตอร์ไปนอนที่เตียงข้างหลังเก้าอี้แล้วนอนหลับไป
ขณะที่มิคาโดะเพิ่งจะหลับ รูมเมทอีกคนอย่าง ‘เรอิกิ โฮชิ’ ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ทำกิจวัตรประจำวันอย่างทุกที แต่หางตากลับเหลือบไปเห็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ของรูมเมทที่เปิดค้างหน้าต่างสนทนาระหว่างรูมเมทหัวแดงกับเพื่อนของเจ้าตัวที่พูดถึงงานเลี้ยงคนชอบของเก่าในสัปดาห์หน้า เรอิกิชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะทำเป็นไม่เห็นและออกไปเรียนตามปกติแต่ในใจกลับคิดถึงงานเลี้ยงมีตติ้งในแชทข้อความนั้น ตกเย็นเรอิกิเดินกลับมาจากมหาวิทยาลัยแวะซื้อมื้อเย็นที่ตลาดอย่างทุกทีก่อนจะเดินขึ้นหอพัก เสียงดังโหวกเหวกทะลุจากห้องพักของตัวเองมาถึงหน้าบันได เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหน้าห้องก่อนจะเปิดประตูเข้าไป โคซากะหันมามองที่หน้าประตูห้องเห็นหน้าเหม็นเบื่อของรูมเมทที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็ยิ้มหยันขึ้นมาก่อนจะเอ่ยปากทัก
“ไงไอ้จืด กลับมาก็ทำหน้าตาน่ารำคาญให้ฉันเห็นเลยนะ วันนี้กลับเร็วดีนี่หรือว่าหัดโดดเรียนเป็นแล้วล่ะ?” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก แล้วหันหน้ากลับไปเล่นเกมส่งเสียงดังเหมือนอย่างทุกที เลิกสนใจรูมเมทขี้ขลาดที่ชอบทำหน้ารำคาญใส่ตัวเขาตลอดเวลา เหมือนอยากจะพูดหรือด่าเขาอยู่เสมอแต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาสักทีเจอกันแต่ละทีก็เอาแต่ถลึงตามองไม่ก็พูดพึมพำอยู่ในคอ อ่อ แต่ก็มีตอนที่พูดอยู่เรื่องน่ารำคาญเหมือนกันนั่นแหละ บอกให้เก็บของให้เป็นระเบียบบ้าง ให้เอาผ้าไปซักบ้าง ไม่ให้ส่งเสียงดังบ้าง ไม่พูดก็น่ารำคาญแต่พูดแล้วก็น่ารำคาญยิ่งกว่า อยากจะให้หุบปากเงียบ ๆ ไปสักที
เรอิกิไม่พูดตอบอะไรเพียงแค่จ้องร่างโคซากะเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่งเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็ละสายตาไปจัดการมื้อเย็นที่ตัวเองซื้อมาให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มทำการบ้าน
ครืด ครืด ครืด ติ๊ด
เสียงโทรศัพท์ของใครสักคนสั่นดังขึ้น โคซากะมองชื่อเจ้าของสายที่โทรมาก่อนกดรับสายโทรศัพท์อย่างเบื่อหน่าย
“ฮัลโหล มีเรื่องจนต้องโทรมาเลยเหรอยูกิ” โคซากะเอ่ยทัก
[ฮัลโหลมิคาโดะคุง~ เพื่อนฝูงโทรมาหาก็ใจดีกันหน่อยซิ] เสียสดใสจนน่าหมั่นไส้ดังลอดมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์
“โอ้ ยูกิคุง ฉันล่ะดีใจจริงๆที่นายโทรมางั้นแค่นี้นะ บาย”
[เอ๋ เดียวซิ โทษ ๆ ไม่แกล้งแล้ว ๆ เฮ้อ หยอกนิดหน่อยเอง]
“ตกลงมีอะไร รีบ ๆ พูด ฟังเสียงนายพูดแล้วฉันอยากจะอ้วก”
[อย่าใจร้ายนักเลยพ่อหนุ่มน้อย แค่คิดถึงเพื่อนเก่าเพื่อนแก่นิดหน่อย เห็นนายยอมมางานเลี้ยงสัปดาห์หน้า ฉันล่ะดีใจ๊ ดีใจ ไม่ได้เจอนายตั้งนานได้ข่าวว่าหนีออกจากบ้านนี่ บ้านใหญ่นายอารมณ์เสียน่าดูแต่พวกพี่ ๆ นายดีใจอย่างกับอะไรดี]
“อืม พวกบ้านั่นก็ต้องดีใจอยู่แล้วคนหารสมบัติกับคนชิงตำแหน่งหัวหน้าของตระกูลหายไปตั้งคนหนึ่งนี่แล้วเป็นไงพวกนั้นยังตามฉันอยู่ไหม”
[ก็นะ คงหาจนกว่าจะแน่ใจว่านายตายล่ะมั้ง ไม่เห็นตัวก็ต้องเห็นศพประมาณนั้น]
“เออ ขอบใจ มีไรอีกไหมจะวางแล้ว”
[มาบอกแค่นี้แหละ งานสัปดาห์หน้าต้องมาให้ได้นะ อย่าเบี้ยวเชียว ไม่งั้นฉันจับนายโยนกลับเข้าบ้านใหญ่แน่]
“รู้แล้วน่าไปแน่ แล้วเจอกัน บาย”
ติ้ด หลังวางสายเสียงพูดคุยในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง เรอิกิหันมามองโคซากะด้วยท่าทีลำบากใจ
“มองทำไม? หรือจะบอกไม่ให้ฉันเสียงดังอีก” โคซากะพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด
“เอ่อ ไม่ใช่ คือว่า....” เรอิกิพูดเสียงเบาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เมื่อสายตาของรูมเมทจ้องเขม็งอย่างเอาเรื่อง
“งานเลี้ยงที่จะไปสัปดาห์หน้า.....ขอผมไปด้วยได้ไหม?” เขาเอ่ยต่ออย่างติดขัดไม่แน่ใจว่าที่ตัวเองเอ่ยปากขอไปทั้งแบบนี้จะดีหรือเปล่า
“ไอ้เฉิ่มอย่างนายรู้รึไงว่าฉันจะไปงานอะไร” โคซากะพูดออกมาเบา ๆ
“ขอโทษครับ ผม ผมบังเอิญไปเห็นเมื่อเช้า โคซากะไม่ได้ปิดคอมน่ะ เพราะงั้นผมขอไปด้วยนะครับ?” เรอิกิพูดเร็ว ๆ อย่างกลัว ๆ แล้วหลบตาอย่างรู้สึกผิด
“หืม? เดียวนี้หัดเป็นเด็กไม่ดีแล้วด้วย งั้นก็ไม่ควรจะสารภาพออกมาเองนะไอ้เฉิ่ม แต่ก็เอาดิ ฉันจะพาเด็กจน ๆ อย่างนายไปเปิดโลกคนรวย ๆ อย่างพวกฉันให้ดูแล้วกัน เหอะ” โคซากะพูดแล้วหัวเราะใส่ก่อนเลิกสนใจรูมเมทที่อายุน้อยกว่าตัวเอง
“อ่าอืม ขอบใจนะ” เรอิกิพูดเบา ๆ แล้วกลับไปทำการบ้านต่อ
1 สัปดาห์ต่อมา วันจัดงานเลี้ยงมีตติ้ง
วันนี้เป็นวันที่ยูกิจัดงานเลี้ยงมีตติ้งช่วงเย็นขึ้นที่บ้านพักต่างอากาศในหุบเขาที่โคซากะเคยไปสมัยก่อนตอนที่ยังอาศัยอยู่กับบ้านใหญ่ พวกผู้ใหญ่น่ารำคาญบอกให้เขาสนิทกับยูกิและตระกูลเข้าไว้ เพราะมีหลายโครงการของบริษัทที่ทั้งสองตระกูลร่วมมือกัน ตอนแรกฉันกับยูกิก็ไม่ได้ญาติดีกันเหมือนตอนนี้หรอกเป็นเหมือนไม้เบื่อไม้เมากันมากกว่า แต่พอโตขึ้นความคิดอะไรหลาย ๆ อย่างก็ตรงกันมากขึ้น อย่างเรื่องชอบของเก่านี่ก็เหมือนกัน ใครจะคิดว่าเด็กอย่างเรา ๆ จะชอบของเก่ากันจริง ๆ ล่ะในเมื่อพวกผู้ใหญ่ไม่น้อยที่ไม่ได้ชอบของเก่าแต่กลับทำเป็นชอบเพื่อเอาใจพวกนายทุนรวย ๆ ที่ชื่นชอบของเก่า แต่บ้านของยูกิก็คงดีกว่าบ้านฉันหน่อยตรงที่ไม่ได้มีการต่อสู้ภายในตระกูลอย่างดุเดือดจนฉันต้องหลบออกมาเพราะไม่อยากเข้าไปแย่งชิงอะไรด้วย แต่ไม่วายเลิกตามหาตัวเขาสักที คิดว่าคนที่หนีออกจากบ้านมาแล้วพวกตาแก่จะยอมให้ตำแหน่งหรือไง? ดีไม่ดีตอนนี้อาจจะเอาชื่อเขาออกจากตระกูลให้แล้วก็ได้ เขาคิดอย่างเหม่อ ๆ ก่อนจะได้สติแล้วเร่งรูมเมทที่เอาแต่ชักช้าไม่ยอมออกมาจากห้องเสียที
“จิ๊ ไปได้แล้วไอ้จืด อย่าช้า” เขามองรูมเมทตัวเองอย่างอารมณ์เสีย ตัวก็ผอมทำอะไรก็ช้า ชอบทำท่าทางกลัวอย่างกับเห็นฉันเป็นสัตว์ประหลาดอย่างนั้น ไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง
“อืม มาแล้วโทษทีนะ” รูมเมทที่ตัวเล็กกว่าถือกระเป๋าเป้กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเขาที่รออยู่หน้าห้องแล้วล็อกประตูห้องอย่างดี
ทั้งสองคนนั่งแท็กซี่ออกจากหอพักจนไปถึงจุดพักรถที่ตีนเขาอีกฟากของเมืองซึ่งเป็นสถานที่นัดหมาย ยูกิบอกว่าจะส่งรถมารับเพื่อเข้าไปที่บ้านพัก ระหว่างที่รอรถมาเขากับรูมเมทแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรรองท้อง เมื่อซื้อเสร็จออกมาก็เจอกับรถรับส่งของยูกิพอดี ทั้งสองคนพากันขึ้นรถยนต์ที่จะไปพายังจุดหมายปลายทางบ้านพักต่างอากาศกลางหุบเขาของยูกิ บรรยายกาศในรถเต็มไปด้วยความอึดอัดจนกระทั่งรถยนต์ขับไปจนถึงเขตบ้านพักส่วนตัว สวนหน้าบ้านที่ถูกจัดอย่างสวยงามยิ่งในฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ต้นไม้นานาชนิดในสวนหลากสีสันดึงดูดความสนใจของรูมเมทไปจนหมด หัวดำ ๆ กับใบหน้ากระหันซ้ายขวาอย่างตื่นตาตื่นใจลืมความกลัวที่มีต่อรูมเมทหัวแดงอย่างเขาไปเสียแล้ว เมื่อรถยนต์จอดสนิททั้งคู่ลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านพักต่างอากาศสไตล์ยุโรป คนหนึ่งเข้าไปด้วยความเคยชินอย่างเบื่อ ๆ กับอีกคนที่มองซ้ายมองขวาสำรวจไปทุกมุมที่เดินผ่าน ของประดับบ้านสุดหรูหราราคาแพง โคมไฟแชนเดอเลียร์ราคาแพงส่องประกายระยิบระยับอยู่ด้านบน เครื่องเงินต่าง ๆ ถูกขัดจนเงาวับ ของตกแต่งที่แค่มองก็รู้ว่าแพงระยับวางเรียงตามตู้โชว์บนทางเดิน ของที่นำมาวางเหล่านี้ต่างเป็นของเก่ามีราคามีเขากับยูกิช่วยเลือกดูและซื้อสะสมกันมาด้วยกัน เพราะฉะนั้นถึงบางส่วนจะเป็นของยูกิ แต่ครึ่งหนึ่งก็เป็นของเขาด้วยเหมือนกัน บางชิ้นก็เอามาฝากไว้ก่อนที่จะหนีออกจากบ้านมา
ยูกิเดินมาพร้อมคนรับใช้ที่มารับกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องและมอบกุญแจห้องไว้ให้ ฉันกับยูกิคุยทักทายกันระหว่างที่พ่อบ้านพาไปห้องอาหารซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นคนอื่น ๆ ต่างก็มากันจวนจะครบแล้ว รอไม่นานงานเลี้ยงก็เริ่มต้น อาหารถูกจัดเป็นฟูลคอร์สค่อย ๆ เสิร์ฟมาตามลำดับ ระหว่างรอจานต่อไปแต่ละคนต่างพูดคุยกันถึงของเก่าที่ตนชื่นชอบหรือสะสม เมื่อจบก็ฟูลคอร์สก็ยังมีการจัดประมูลของเก่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปพัก หรือจะคุยกันต่อที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งแน่นอนว่าฉันกับยูกิก็ต้องอยู่คุยกันก่อนอยู่แล้ว รูมเมทน่ารำคาญก็ยังตามมาด้วย แล้วยังมีคนอื่น ๆ อีกนิดหน่อยที่เข้ามาด้วย พ่อบ้านเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มอย่างไวน์และบรั่นดีพร้อมกับชีส ก่อนที่ทั้งพ่อบ้านและคนรับใช้ทั้งหมดจะออกจากบ้านพักหลังนี้ไปเพื่อความเป็นส่วนตัวของแขกและเจ้านาย
“ยูกิ นายเตรียมนั่นไว้ให้ฉันแล้วใช่ไหม?” ฉันเลิกคิ้ว เอ่ยถามเขาก่อนจะจิบไวน์
“เออ เตรียมไว้แล้ววางไว้ที่เดิม หึ ขอมาแบบนี้ตั้งใจจะทำอะไรล่ะ?” ยูกิตอบพร้อมขำในลำคอเล็ก ๆ อย่างนึกสนุกเกี่ยวกับสิ่งที่เพื่อนของตนจะทำกับของที่ขอให้เขาเตรียมไว้ให้
“เดียวนายก็รู้ พรุ่งนี้แหละ” ฉันยิ้มอย่างสบายใจ
“เหอะ พรุ่งนี้ฉันก็มีอะไรจะเซอร์ไพรส์นายเหมือนกัน” พอยูกิพูดจบเราทั้งสองคนก็หัวเราะพร้อมกันอย่างรู้ความหมายก่อนจะเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น ๆ สักพักยูกิก็ขอออกไปข้างนอก ฉันละความสนใจจากคนอื่น หันมาสนใจโทรศัพท์ที่เด้งแจ้งเตือนไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่
แจ้งเตือนข้อความจากคนที่เขาทำ ‘ธุรกิจส่วนตัว’ ด้วยอีกคนในเว็บบล็อกคนชอบของเก่า ดูเหมือนอีกฝ่ายก็มางานนี้ด้วยเหมือนกัน หืม ขอนัดเจอเขา? ดีเลยสิ จะได้ผลักให้หมอนี่เป็นแพะรับบาปไปเลย ยิ่งอยู่กับรูมเมทหัวดำน่ารำคาญแค่เห็นหน้าอีกคนก็หมดอารมณ์จะไปทำอย่างอื่นต่อแล้ว คนอะไรทำหน้าซังกะตายได้ทุกวี่ทุกวัน เขาก้มตอบข้อความในโทรศัพท์ไม่เท่าไรยูกิก็กลับมาอย่างหน้าระรื่น ฉันหรี่ตามองอย่างจับผิดแล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างคนที่พอจะเดาได้ว่าเจ้าตัวไปทำอะไรมา
“สบายใจแล้วสิ เซอร์ไพรส์ของนาย” ฉันถามอย่างรู้ทัน
“อ่าห้ะ ให้ตาย นายเดาได้แบบนี้ฉันก็หมดสนุกเอาน่ะสิ” ถึงยูกิจะพูดแบบนั้นแต่รอยยิ้มบนหน้าก็ไม่ได้ลดน้อยลงสักมิลเดียว
“ฉันรู้จักนายมาตั้งกี่ปีกัน รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้ว” ฉันตอบยูกิพร้อมคอยปรายตามองรูมเมทเจ้าปัญหาเป็นระยะ ๆ
“น่าเสียดายจังนะ” ยูกิตอบสั้น ๆ แล้วจิบบรั่นดีที่เหลืออย่างสบายใจ เราสองคนคุยกันสักพักยูกิก็ฟุบหน้าลงเหมือนหลับไป ฉันเห็นอย่างนั้นก็โคลงหัวไปมาอย่างใช้ความคิด แล้วตัดสินใจทิ้งยูกิไว้ตรงนี้คิดว่าเดียวดึก ๆ ก็คงตื่นแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนไปเอง ฉันเลยหันกลับไปหารูมเมทตัวดีที่ตามติดเขาไม่ยอมไปไหนเสียที
“เฮ้ย ไอ้จืด ตามมาดิ นึกได้ว่าหยิบของแกติดกระเป๋ามาว่ะ” เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินนำออกจากห้องไป คอยแอบมองด้านหลังเพื่อให้แน่ใจว่ารูมเมทของเขาจะตามมา
ทั้งสองคนเดินตามกันมาเงียบ ๆ โคซากะเดินนำพาเรอิกิขึ้นบันไดมาชั้นสองที่เป็นห้องพัก เดินไปฝั่งตรงข้ามกับบันไดที่เป็นห้องประจำของเขาเวลามาที่บ้านพักต่างอากาศแห่งนี้ โคซากะคอยมองไปทั่วชั้นเพื่อความแน่ใจว่าจะไม่มีคนได้ยินหรือเข้ามาในห้อง เขาเปิดประตูเข้าห้องไปด้วยความเคยชิน รออีกฝ่ายเดินเข้ามาในห้องก่อนเอ่ยปาก
“ของอยู่ในกระเป๋า หาเอาเลย” ฉันพูดแค่นั้นก็ปิดประตูแล้วเดินไปหยิบของที่ขอให้ยูกิเตรียมไว้ สิ่งนั้นถูกวางในตู้มุมในสุดของห้อง วางในจุดที่ยากจะสังเกตเห็น เป็นที่เก็บของประจำของพวกเขาตั้งแต่เด็ก ฉันหยิบขึ้นมาพร้อมยกยิ้มถูกใจแล้วเดินกลับไปหารูมเมทของเขาโดยที่แอบของที่ถือไว้ข้างหลัง
“เจอแล้ว วันหลังนายน่าจะเช็กของให้ดีก่อนจะเก็บมันมานะ” ฉันมองรูมเมทที่พูดขึ้นระหว่างจัดของในกระเป๋าให้หลังจากรื้อของเสร็จอย่างเคยชิน
ฉันรอจนหัวดำ ๆ นั่นอยู่สูงขึ้น รอจนเห็นใบหน้ากระกับนัยน์ตาสีน้ำตาลอย่างชัดเจน ฉันยกยิ้มขึ้นก่อนจะขยับแขนข้างที่ในมือจับมีดที่ขอจากยูกิไว้แน่น ตวัดปลายมีดคม ๆ เข้าที่คอของอีกฝ่ายจนเป็นรอยลึกเพราะฉันออกแรงเกือบทั้งหมดลงไป ฉันมองเลือดพุ่งออกมากจากลำคอของรูมเมทแล้วเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเพราะมันเป็นไปตามสิ่งที่เขาคิดไว้พอดี ยกเว้นก็แต่เลือดที่กระเซ็นมาเลอะตามตัวเขา เสียงหัวเราะของรูมเมทที่เพิ่งเคยได้ยินครั้งแรกก็ดังขึ้น ดังกว่าที่เขาเคยได้ยินเวลาคุยกันตั้งแต่รู้จักกันมา คนเจ็บเอามือข้างหนึ่งกดที่ลำคอ อีกข้างยกขึ้นชี้หน้าเขา
“คนอย่างแกไม่มีทางได้ไปสวรรค์...แค่ก ฉันจะรอแกอยู่ใน....นรก แค่กๆ...เหมือนกับเพื่อนของแกที่ฉันฆ่าไป” อีกฝ่ายพูดขึ้นอย่างยากลำบากแต่กลับชัดถ้อยชัดคำเหมือนที่เคยแนะนำตัวให้เขาฟังตอนย้ายเข้าหอพักวันแรก ถือเป็นครั้งที่สองที่ได้ยินหมอนี่พูดขึ้นมาชัด ๆ แบบนี้ ฉันยกยิ้มกว้างขึ้น ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบเข้าที่อกของอีกฝ่าย ก้มหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับมีดในมือแล้วหัวเราะใส่
“ฉันจะบอกอะไรให้ฟังนะไอ้จืด แกจะทำอะไรกับเพื่อนฉัน ฉันก็ไม่ได้แคร์หรอก แต่ตั้งแต่แกย้ายเข้าหอพักมาแม่งโคตรน่ารำคาญเลยว่ะ ไม่ว่าจะวิธีมองหน้า หลบตา หรือวิธีพูดก็ดูเกะกะลูกตาฉันเป็นบ้า ฉันล่ะอยากจะให้นายหุบปากเงียบ ๆ มานานแล้ว หรือย้ายออกได้เลยยิ่งดี แต่ก็โชคดีที่นายไม่ยอมย้ายออกเพราะงั้นฉันก็เลยได้มาจัดการแกแบบนี้ไง” ฉันพูดจบก็ใช้มือข้างที่ว่างดึงลิ้นของรูมเมทออกมา ยกมีดในมือขึ้นแล้วตัดลงเข้าที่ลิ้นของอีกคน ฉันยกยิ้มสบตากับรูมเมทที่มองมาอย่างเคียดแค้นแล้วชูลิ้นในมือให้เขาดู
“เห็นไหม แค่นี้ต่อไปนายก็จะหุบปากเงียบได้สักที เอาล่ะตายไปได้แล้วไอ้จืด” พูดจบฉันก็โยนลิ้นของเขาลงไปข้างเตียง ใกล้กับร่างของเจ้าของชิ้นส่วนที่ถูกตัดซึ่งนอนจมกองเลือดที่ไหลจากคอของเจ้าตัวเลอะไปทั่วพื้น ฉันยืนมองอยู่สักพักเพื่อให้แน่ใจว่าอีกคนตายแล้วจริง ๆ ก่อนจะยกกระเป๋าข้างศพอดีตรูมเมทเขาอย่างอารมณ์ดี หยิบเสื้อผ้าข้างในกับอุปกรณ์อาบน้ำอื่น ๆ ที่ยังอยู่ในสภาพดีก่อนจะเข้าห้องน้ำไปทำความสะอาดตัวที่เปรอะไปด้วยเลือด พร้อมกับเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำไว้ด้วย
สงสัยคืนนี้ต้องไปนอนห้องยูกิแทนแล้ว ถ้าที่ไอ้จืดพูดก่อนตายนั่นเป็นจริงยังไงก็คงไม่มีใครไปนอนห้องมันหรอก เขาคิดแบบนั้นแล้วลงไปแช่น้ำในอ่างอาบน้ำอย่างผ่อนคลาย ความตื่นเต้นเมื่อกี้ราวกับความฝัน ใช้เวลาแค่ไม่นานในการฆ่าใครสักคน การฆ่าใครสักคนที่จริงมันก็ง่ายแค่นี้เอง ความจริงนี่ก็เป็นครั้งแรกของเขาที่ลงมือทำแต่มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด เขาไม่ได้รู้สึกผิดหรือสั่นกลัวซ้ำยังรู้สึกสนุกขึ้นมาพิลึก แต่กับเพื่อนอีกคนเหมือนจะดูคุ้นเคยกว่า แต่กลับพลาดท่าเอาง่าย ๆ ให้กับเด็กไม่รู้ความอย่างไอ้จืดเสียอย่างนั้น กระจอกเป็นบ้า
เขาแช่น้ำอยู่สักพักก่อนจะรู้สึกว่าอากาศในห้องน้ำผิดแปลกไปจากเดิม กลิ่นแสบฉุนของสารเคมีตีขึ้นจมูก รู้สึกแสบตาจนน้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เริ่มไออย่างแรงเพราะกลิ่นสารเคมีพยายามลุกขึ้นจากอ่างน้ำเพื่อจะหนีออกไป
แกร๊ก แกร๊ก
ฉันพยายามเปิดประตู แต่กลับเปิดไม่ออก ทำไมถึงเปิดไม่ได้ล่ะ? มีอะไรขวางประตูไว้หรือไง
ปัง ปัง ปัง !
ฉันทุบประตูอย่างแรงพร้อมกับไอสำลักสารเคมี
“โธ่เว้ย ใครอยู่ข้างนอกวะ แม่ง แค่ก เปิดประตูเดียวนี้เลยนะเว้ย เอาของที่ขวางประตูออกไปซะ แค่ก ๆ” ฉันเริ่มเหนื่อยหอบแต่ก็หยุดไอไม่ได้ กลิ่นของสารเคมีฉุนไปหมดจนเวียนหัว ตาพร่าเบลอจากน้ำตาที่ไหลออกมา พยายามทุบประตูเรียกคนให้มาช่วยแต่เหมือนจะไม่มีใครได้ยิน
ปัง ปัง ปัง !
“แฮ่ก แค่ก ๆ เปิดประตูเดียวนี้เลย!!” ฉันรู้สึกว่าเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก รวมถึงปากด้วย รู้สึกแสบตา แสบภายในไปทั่วร่างกาย บังคับให้ร่างกายหยุดไอไม่ได้จนเริ่มจะหมดแรง ทรุดลงกับพื้นห้องน้ำหน้าประตู เลือดหยดลงกับพื้นไม่ขาดสาย
“หืม? ก็มิคาโดะเป็นคนไม่ดีนี่น่า หลอกผมตั้งหลายอย่าง เเต่ผมก็ยังใจดีกับมิคาโดะคุงนะ ดูสิ ผมมาตามนัดตรงเวลาด้วยนะ” น้ำเสียงนุ่ม ๆ เบา ๆ ที่ฟังแล้วชวนสบายใจดังลอดมาจากอีกฟากของประตูห้องน้ำ ทันทีที่ฉันได้ยินก็สบถขึ้นมาในใจ เป็นฮิโรอิคนที่ขอนัดเจอเขาเมื่อตอนเย็น ในใจเขามีแต่คำว่าแย่แล้วอยู่เต็มไปหมด ฮิโรอิจับได้แล้วเหรอว่าเขาหลอกอีกฝ่าย ตั้งแต่เมื่อไรกัน? งั้นนี่ก็ฝีมือของฮิโรอิ? จะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อสารเคมีพวกนี้ต้องเตรียมมาก่อน คนที่เพิ่งเคยมาครั้งแรกจะรู้ห้องพักของเขาได้อย่างไร เขาปัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
“ฮิโรอิ แค่ก ๆ นายมาช่วยฉันสินะ เปิดประตูให้ฉันเร็วเข้า” ฉันพูดขอความช่วยเหลือฮิโรอิอย่างรวดเร็ว
“ช่วยสิ” ฉันได้ยินแบบนั้นก็มีความหวังขึ้นมา รอให้ฮิโรอิเปิดประตู
“ช่วยให้มิคาโดะคงไม่ต้องไปหลอกคนอื่นอีกไง” แม่ง ไอ้บ้านั่น เป็นแค่หมูที่ให้ฉันหลอกก็พอแล้วแท้ ๆ
“ผมคงเปิดประตูให้คุณไม่ได้หรอก ก็ผมเป็นคน ‘ขัง’ คุณไว้เองนี่นา มิคาโดะคุณรู้ไหม ผมรักคุณมากนะครับ ผมจริงจังกับความรักครั้งนี้ และยอมทุ่มเทให้คุณหลายอย่างเลย แต่คุณกลับหลอกผม หลอกผมอย่างสนุกสนานเอาเงินที่ผมหามาไปใช้เที่ยวเล่น คุณเหยียบย่ำหัวใจผม” ฮิโรอิเงียบไปครู่หนึ่งก็จะพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ต่อไปก็จะไม่มีใครเป็นเหยื่อของคุณอีกเเล้ว ลาก่อนนะ มิคาโดะคุง” พอฮิโรอิพูดจบประโยคผมก็รู้แล้วว่าคงไม่มีทางรอดแน่
เลือดไหลออกมาไม่หยุดแต่ตัวเองกลับหยุดไอหรือหยุดเลือดที่กำลังไหลออกมาไม่ได้เลย ตาแสบไปหมดจนมองอะไรไม่เห็น สติก็เริ่มไม่อยู่กับตัวแล้วด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงของฮิโรอิที่พูดถึงธุรกิจส่วนตัวของเขา ‘นักต้มตุ๋น’ นั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำเล่น ๆ บนอินเทอร์เน็ตก็เหมือนหาค่าขนมนั่นแหละ หนีออกจากบ้านมาไม่ได้พกอะไรไปเยอะแยะก็ต้องหาเงินใช้อยู่แล้ว บริษัทที่แอบตั้งก็ยังไปได้ไม่เท่าไร จะดึงเงินก็ออกมาก็เสี่ยงโดนรู้ตัวเลยไม่ได้ถอนออกมาจนไปใช้วิธีหลอกคนบนเน็ต ใครจะไปรู้กันว่าจะโดนจับได้แบบนี้? พวกหมูโง่ ๆ ก็ควรจะอยู่ส่วนหมูสิ? ไม่ได้ให้เวลาแก้ต่างด้วยซ้ำ แม่งเอ้ย มาบอกว่ารักเขาจริงอะไรล่ะ... บัดซบ ดันมาพลาดท่าเอาง่าย ๆ เหมือนเจ้ายูกิจนได้ แบบนี้พวกคนในตระกูลต้องหัวเราะเยาะแน่ ทั้งที่คิดว่าหนีออกมาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นแท้ ๆ อ่า แบบนี้เขาจะได้เจอแม่ไหมนะ? ไม่สิ เขามีแม่ที่ไหนกัน เขาคิดอย่างติดตลก ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างน่าสมเพชในตอนสุดท้ายพร้อมกับเสียงไอที่ค่อย ๆ เบาลงทุกที ก่อนจะเงียบไปในที่สุด
.
.
.
จะมีคนเสียใจกับการตายของเขาบ้างไหมนะ . . .
"เจ้าเด็กนั่นตายแล้วเหรอ?"
[ครับคุณท่าน ให้จัดการปิดข่าวไหมครับ?]
"...ไม่ต้องหรอก ปล่อยเรื่องของเจ้านั่นได้เลย ไม่ใช่คนในตระกูลตั้งแต่มันหนีออกจากบ้านไปแล้ว"
[รับทราบครับ]
"อ่า...ฮ่าฮ่าฮ่า มิคาโดะลูกรักของแม่ แม่ขอโทษนะที่อยู่กับลูกไม่ได้ แต่ไม่เป็นไรแล้วนะ จากนี้แม่จะไปอยู่กับลูกได้แล้ว ครั้งนี้ไม่มีใครห้ามไม่ให้แม่ไปหาลูกแล้วล่ะ รอแม่อีกหน่อยนะลูก"
อ่านของนักเขียนร่วมซีรี่ย์กับเราได้ที่นี่
dominique (ศพที่ 1)
Pakkrad (ศพที่ 2)
danpawon (ศพที่ 4)
LACEY (ศพที่ 5)
moonmay (ศพที่ 6)
movetomoon (ศพที่ 7)
Laikram (ผู้รอดชีวิต)
Comments